วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความเป็นมาของกีต้าร์และเบส

มาเริ่มกันที่ยี่ห้อแรกกันเลยน่ะครับ สำหรับความเป็นมาของ กีต้าร์และเบส

B.C Rich guitars



บริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย Bernardo Chaver Rico โดยกีต้าร์ตัวแรกที่ผลิตจะเป็นแบบอะคูสติก จำหน่ายในปี1966
และพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ โดยได้รับความนิยมในหมู่นักกีต้าร์ชาวเฮฟวี่เมทัล จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ตอนหลังมีการ
ขยายฐานการผลิตไปยังญี่ปุ่นและเกาหลี




Danelectro



Nathan I.(nat) Daniel ก่อตั้งบริษัท Danelectro ขึ้นในปี 1946 ช่วงแรกจำหน่ายสินค้าหลักคือแอมป์
พอปี 1954 จึงขยายมาขายกีต้าร์ไฟฟ้าโซลิดบอดี้ในช่วงทศวรรษที่ 50 เป็นกีต้าร์ที่ได้รับความไว้วางใจจาก
นักกีต้าร์ระดับโลกมากมายเช่น Jerry Garcia, Jimi Hendrix,Jimmy Page




ESP



เป็นยี่ห้อระดับไฮ-เอนด์ราคาแพง ก่อตั้งโดยคนญี่ปุ่นในปี 1975 ตอนแรกใช้ชื่อ Navigator แต่มาเปลี่ยนเป็น ESP
ในปี 1978 มีสายการผลิตในหลายประเทศทั้ง อเมริกา เยอรมัน และญี่ปุ่น คุณภาพและราคาค่อนข้างสูง
ภายหลังมีการเจาะตลาดระดับล่างโดยทำให้ราคา ถูกลงจากสายการผลิตในเกาหลี มี signature เช่น James Hetfield วง Metallica




Fender



เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย Leo Fender เป็นผู้ผลิตรายแรกๆที่ใช้วิธีการผลิตแบบอุตสาหกรรม
ซึ่งบริษัทเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1938 มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และทำให้กีต้าร์ไฟฟ้าเกิดได้รับความนิยมมากขึ้น
และ Leo Fender ยังได้สร้างเบสไฟฟ้าแบบลำตัวตันขึ้นเป็นเจ้าแรกอีกด้วย ปัจจุบัน Fender ขยายสายการผลิต
ไปในหลายประเทศเช่น เม็กซิโก ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี นอกจากนี้ยังได้ตั้งตราสินค้า Squier ขึ้นมาอีกยี่ห้อหนึ่ง
เพื่อรองรับลูกค้าที่มีงบประมาณไม่มากนัก




Gibson



เป็นบริษัทอเมริกันก่อนตั้งโดยนาย Orville Gibson ในปี 1894 (นานโคตร) ผลิตเครื่องดนตรีประเภทมีเฟร็ต
เป็นงานหลัก และค่อยๆพัฒนามาสร้างกีต้าร์เซมิอะคูสติกตัวแรกขึ้นมา ส่วนกีต้าร์ไฟฟ้าแบบลำตัวตันตัวแรกถูกสร้าง
ขึ้นในปี 1952 โดยความร่วมมือของนักกีต้าร์แจ๊สชื่อ Les Paul ซึ่งได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้บริษัทยัง
ได้ผลิตกีต้าร์ที่มีราคาระดับต่ำลงมาในชื่อยี่ห้อ Epiphone ด้วย




Gretsch



บริษัทมีความเป็นมายาวนาน ก่อตั้งโดย Friedrich Gretsch ชาวเยอรมันที่ย้ายมาอยู่อเมริกาในปี 1872 ตอนแรกๆ
ผลิตกลอง แบนโจ และ แทมบูรีนขาย ตอนหลังเริ่มผลิตกีต้าร์ในช่วงทศวรรษที่ 30 และเปิดตัวกีต้ารืไฟฟ้าแบบลำตัวตัน
หรือ solid body ในปี 1953 ได้รับความนิยมจากมือกีต้าร์มากมายและทำเป็น signature ด้วยเช่นของ Chet Atkin




Guild



ก่อตั้งโดยมือกีต้าร์แจ๊สชื่อ Alfred Dronge บริษัท Guild เกิดขึ้นภายหลังจากช่วงที่ Epiphone ประสบปัญหาแรงงาน
ประท้วงหยุดงาน ส่งผลให้โรงงานต้องปิดลงชั่วคราว พนักงานบางส่วนเลยออกมารวมตัวกันตั้งบริษัท Guild ขึ้นมา โดยเน้น
การผลิตกีต้าร์คุณภาพสูง ในปลายปี 1995 Guild ได้ถูกขายให้กับบริษัท Fender และได้พัฒนาการออกแบบสู่ตลาดที่กว้างขึ้น




Ibanez



เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น กีต้าร์ในตระกูล Ibanez มีราคาที่ค่อนข้างกว้างตั้งแต่ถูกมากไปจนถึงแพงสุดๆ โดยใช้ชื่อ Ibanez
เหมือนกันหมด ไม่มีการแบ่งแบรนด์ย่อยเหมือนบริษัทอื่น ช่วงแรก Ibanez จะผลิตกีต้าร์ออกมาในทรงที่ลอกเลียนแบบกีต้าร์ท
ี่ได้รับความนิยมสูงๆ แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น โดยมีการทำกีต้าร์ Signature model
ของมือกีต้าร์ออกมามากมายเช่น George Benson,Pat Metheny,Joe Satriani,Steve Vai,Paul Gilbert




Jackson



ก่อตั้งโดย Grover Jackson ในช่วงทศวรรษที่ 80 โดยยึดเอา stratocaster ของ fender เป็นต้นแบบแต่พัฒนาให้
ทันสมัยขึ้น เช่นเพิ่มเฟร็ต ทำคัทอะเวย์ให้ลึก ติดคันโยก เป็นกีต้าร์ที่ได้รับความนิยมจากศิลปินมากมาย มีการทำ signature
ของ Rhandy Rhoads มือกีต้าร์ตำนานอีกคนหนึ่งด้วย ปัจจุบันมีสายการผลิตที่กว้างขึ้นเช่นใน ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย




Ernie Ball - Musicman



Musicman นั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ Leo Fender กล่าวคือหลังจากที่มีนายทุน หรือบริษัท CBS เข้าซื้อกิจการของ
Fender และทำสัญญาห้าม Leo ออกไปเปิดบริษัทแข่งเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งในช่วงนั้น Leo ก็ได้ออกไปทำ Music Man ในปี
1974 กับลูกน้องเก่า แต่ไม่ได้เปิดเผยมากนัก แต่พอพ้นระยะสัญญา Leo fender ก็ขึ้นนั่งในตำแหน่งประธานของบริษัท Music man
ทันที กีต้าร์ตัวแรกที่ผลิตคือรุ่น Sting Ray ออกจำหน่ายในปี 1976 พร้อมกับเบสรุ่นเดียวกัน และได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน




Ovation



ก่อตั้งโดย Charles H. kaman มีอาชีพเป็นวิศวกรการบิน และเขาได้นำวัสดุที่ใช้ทำเครื่องบินเป็นไฟเบอร์กลาสที่เรียกว่า Lyracord
มาประยุกต์ใช้ทำ body กีต้าร์ และสินค้าของ Ovation ก็ได้รับความนิยมโดยเแพาะกีต้าร์โปร่งแบบหลังเต่า ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของยี่ห้อนี้ไปเลย




Parker



เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Ken parker กับ Larry Fishman โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก Korg ความโดดเด่นของกีต้าร์
Parker คือความเป็นกีต้าร์ไฮบริด คือมีทั้งปิคอัพแม่เหล็กสำหรับกีต้าร์ไฟ้าและติดตั้งปิคอัพ piezo ที่ใช้ในกีต้าร์อะคูสติก เป็นกีต้าร์ที่มี
ีน้ำหนักเบา เนื่องจากใช้วัสดุสังเคราะห์ที่เป็นสารประกอบจากไฟเบอรืกลาส คาร์บอนไฟเบอร์และอีพ็อกซี่ มาห่อหุ้มบอดี้ที่เป็นเนื้อไม้ ทำให้มีน้ำหนักเบา
แต่ยังคงคุณสมบัติการสะท้อนเสียงของเนื้อไม้อยู่ สำหรับคอก็ใช้วัสดุเดียวกัน ทำให้มีความแข็งแรง เป็นยี่ห้อที่มีราคาสูง และยังมีรุ่นที่ใช้ไม้จริงทำก็มี




PRS - Paul Reed Smith



Paul Reed Smith เป็นช่างทำกีต้าร์ซึ่งไม่เคยหมดไฟ เขาเริ่มทำกีต้าร์ตั้งแต่อยู่ไฮสคูล Ted Nugent มือกีต้าร์ชื่อดัง เป็นลูกค้าคนแรกที่
พอล รีด สร้างกีต้าร์ให้เขา และพอลมีความฝันที่อยากจะสร้างกีต้าร์ให้กับ Carlos Santana ที่เป็นฮี่โร่ของเขา เขาต้องใช้วิธีเข้าหาคาร์ลอสด้วยการเข้าไปคลุกคลีอยู่หลังเวทีคอนเสิร์ต
และให้เด็กขนเครื่องของ santana ลองไปบอกเจ้านายให้มาดูกีต้าร์ที่เขาทำหน่อย โดยมีข้อตกลงง่ายๆคือ "ถ้าคุณไม่หลงรักมัน รับประกันคืนเงินให้ทันที" และมันก็ได้ผล ในตอนแรก
Carlos Santana คิดว่ามันเป็นแค่ความ บังเอิญ จากพระเจ้า เค้าไม่คิดว่า พอล รีด จะทำกีต้าร์ได้ดีเหมือนตัวก่อนอีก จึงได้ลองสั่งเพิ่มเป็นตัวที่ สอง สาม และอีกหลายตัว
ต่อมา จนในที่สุด Carlos ก็สิ้นความกังขาและมั่นใจว่า พอล รีด สมิธ คือผู้ที่เกิดมาเพื่องานสร้างกีต้าร์ที่แท้จริง หลังจากนั้นชื่อเสียงของกีต้าร์
PRS ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นโดยมีออเดอร์สั่งงานเข้ามาเยอะมาก และทำให้ PRS เป็นกีต้าร์ระดับ Hi-End ที่มีราคาแพง ในระดับหลักแสน ไปจนถึงหลักล้านเลยก็มี




Peavy



เป็นอีกหนึ่งบริษัทสายเลือดอเมริกันที่ผลิตทั้งหัวแอมป์ คาร์บิเนต รวมไปถึงกีต้าร์และเบส และมีกีต้าร์ที่เป็น signature อยู่เช่นของ
Eddie Van Halen




Schecter



Schecter เริ่มต้นจากการเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนประกอบกีต้าร์คุณภาพสูง ภายหลังกลัวรวยไม่พอ จึงหันมาผลิตกีต้าร์ซะเอง
การออกแบบในช่วงแรกจะเป็นการเอาดีไซน์ของ Fender มาพัฒนาต่อ ในช่วงทศวรรษที่ 80 บริษัทประสบปัญหาเศรษฐกิจ
จึงเน้นสายการผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น ในปลายทศวรรษ 80 จึงกลับมาเน้นผลิตที่ USA อีกครั้ง ในปี 1999 ได้ออกซีรี่ส์ Diamond
ที่ผลิตในเกาหลีเพื่อขยายการตลาดที่กว้างขึ้น




Washburn



เป็นบริษัทที่มีความเป็นมายาวนานโคตร คือก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1864 โดย George Washburn Lyon ซึ่งได้ทำการบุกเบิกธุรกิจ
กีต้าร์อะคูสติกให้แก่อเมริกา เมื่อธุรกิจตกต่ำ จึงได้มีการขายกิจการให้แก่บริษัท Fretted Industries ซึ่งก็ทำการผลิตโดยใช้ชื่อ
Washburn ต่อไป ในรุ่น Top ของสินค้านั้นจะผลิตใน USA แต่มีสายการผลิตส่วนใหญ่จะอยู่ที่ ญี่ปุ่นและเกาหลี ถ้าเป็นรุ่นที่ผลิต
ในอเมริกา จะมีราคาค่อนข้างแพงมาก




YAMAHA



เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ผลิตสินค้าคุณภาพหลายอย่างมาก ตั้งแต่กีต้าร์ เบส เครื่องดนตรี คีย์บอร์ด เครื่องเสียง ไปจนถึง มอเตอร์ไซค์และเรือยนต์




Cort



เป็นกีต้าร์สายพันธุ์เกาหลี แต่ก่อตั้งขึ้นโดยคนอเมริกันชื่อ Jack Westheimer งานหลักในช่วงแรกคือการเป็นโรงงานทำ production
หรือทำการผลิตกีต้าร์ให้กับยี่ห้ออื่น เช่น ในปี 1985 รับผลิตกีต้าร์ให้ Kramer และ B.C.Rich แต่หลังจากเปิดโรงงานใหม่ ก็ได้ตั้งแบรนด์
ของตัวเองใช้ชื่อว่า Cort ต่อมาได้มีการเริ่มพัฒนาดีไซน์ในรูปแบบของตัวเอง มีตั้งแต่สินค้าระดับล่างไปจนถึงระดับ Hi-End ที่มีราคาแพง




Epiphone



หลายคนในยุคนี้อาจจะรู้จักแค่ว่า Epiphone เป็นแค่กีต้าร์เวอร์ชั่นราคาถูกของ Gibson แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น
Epiphone มีความเป็นมาของบริษัทยาวนานมาก เรียกได้ว่าเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีเลยก็ว่าได้


Epiphone ก่อตั้งครั้งแรกโดย Anastasios Stathopoulo ในประเทศตุรกี ตั้งแต่ปี คศ.1870 จากนั้นจึงย้ายมา
อเมริกาในปี 1903 หลังจากเจ้าของเสียชีวิตลง ลูกชายคนโตที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า "Epi" จึงเข้ามาดูแลกิจการต่อและเริ่มผลิตแบนโจ
จำหน่าย จนมาผลิตกีต้าร์คร้งแรกในปี 1928 ซึ่งในเวลานั้นถือว่า เป็นคู่แข่งโดยตรงของ Gibson เลยทีเดียว


หลังจากผู้บริหารเสียชีวิตลงในปี 1957 Epiphone ก็ถูกขายกิจการให้กับ Gibson และใช้เป็นสายการผลิต
ลำดับรองของ Gibson ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา




Squier



เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 80 เมื่อ Fender ญี่ปุ่น ได้ส่งออกกีต้ารืไปยังตลาดในยุโรปและได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อตราสินค้าว่า Squier แทน
โดยนโยบายของ Fender คือให้ Squier เป็นกีต้าร์ Fender ในเวอร์ชั่นราคาถูก เพื่อขยายตลาดให้ได้กว้างขึ้น โดยที่ไม่ไปกระทบต่อ
ภาพพจน์ของตรา Fender ที่โลโก้ของ Squier จะเขียนไว้ว่า Squier by Fender เพื่อบอกว่า ยังคงได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก
Fender ในทุกขั้นตอนเหมือนเดิม ในช่วงปี 1987 Fender เปิดโรงงานที่เม็กซิโกและ Squier บางรุ่นก็ผลิตที่นั่นเหมือนกัน
แต่ปัจจุบันโรงงานหลักของ Squier อยู่ที่จีนและอินโดนิเซีย




MTD และ TOBIAS



Michael Tobias เริ่มทำเครื่องดนตรีในปี 1974 เขาเคยทำงานให้กับบริษัทชั้นนำหลายๆแห่งเช่น Martin,Gibson,Fender,Kohno
เขาเปิดบริษัท Tobias Guitar ขึ้นที่ฟลอริดาในปี 1977 รับงานซ่อมเครื่องดนตรีและรับผลิตเบสแบบ custom made


ในปี 1988 นั้นมีใบสั่งซื้อ สั่งทำเบสเข้ามา มากจนทำการผลิตไม่ทัน จึงต้องปิดรับออเดอร์ไปจนถึงปี 1990 และเพื่อเป็นการขยายศักยภาพ
ในการผลิต จึงได้มีการขายบริษัทให้แก่ Gibson ในวันที่ 1 มกราคม 1990 และเริ่มผลิตเบส Tobias by Gibson แต่ออเดอร์ก็ยังมีเข้ามา
มากจนผลิตไม่ทันอยู่ดี จึงต้องจ้างโรงงานอื่นมาช่วยด้วย โดยมีการทำ Model T ที่ผลิตใน new england และรุ่น Standard ที่ผลิตใน
โรงงานที่นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น


Michael Tobias ลาออกจาก Gibson ในปี 1992 แต่ยังคงรับตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับ Gibson โดยมีข้อผูกมัดว่า เขาจะยังไม่สามารถออกไป
เปิดบริษัทเพื่อแข่งขันได้ภายในเวลา 1 ปี จนกระทั่ง ปี 1993 Michael Tobias จึงได้ออกมาเปิดบริษัทผลิตเบส
ภายใต้ตรา MTD โดยรับสร้างเบส custom made และมีความสุขกับการผลิตเบสคุณภาพสูง 10 ตัวต่อเดือน




Spector



ก่อตั้งโดย Stuart Spector ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำเบส โดยผ่านการลองถูกลองผิดมาด้วยตัวเองมากมาย จนมาพบคู่หูคือ
Ned Steinberger ร่วมกันทำให้บริษัท Spector Guitar เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 1985 ได้ทำการขายกิจการให้กับบริษัท Kramer
และ Stuart Spector นั่งตำแหน่งเก้าอี้ที่ปรึกษาให้แก่บริษัท และผลิตเบส Spector by kramer ออกมาจำหน่ายได้ประมาณ 5 ปี
และหลังจากที่ Kramer ประสบปัญหาล้มละลาย Stuart Spector จึงออกมาผลิตเบสยี่ห้อ SSD (Stuart Spector Design)
ในปี 1998 เขาจึงได้เครื่องหมายการค้า Spector กลับคืนมาเป็นของตัวเองอย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกครั้ง


ทุกวันนี้ Stuart ยังผลิตเบส Spector อยู่ในนิวยอร์ค ผลิตได้ประมาณ 8-10 ตัวต่อเดือน และเขายังมีโรงงานใน เชค เกาหลี และจีนอีกด้วย




Status



Status Graphite เป็นเบสทำมือคุณภาพสูงอีกยี่ห้อหนึ่ง ได้รับความนิยมจากมือเบสดังๆมากมาย




Warwick



เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมัน เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ Alfred Andreas Wilfer (1917-1996) กลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2
และได้ตั้งโรงงานผลิตไวโอลินขึ้นในปี 1945-1946 ได้ตั้งชื่อเครื่องดนตรีว่า Framus ซึ่งย่อมาจาก Franconian Musical
สินค้าที่ผลิตมีอาทิ พิณ เบส แบนโจ โดยมีกีต้าร์เป็นสินค้าหลัก ปี 1966 มีการขยายโรงงานเพิ่ม ปี 1971 ฉลองครบรอบ 25 ปี และ
Framus ได้สร้างชื่อเสียงและเป็นแบรนด์ที่สำคัญมาอันหนึ่งในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดนตรีของเยอรมัน


แต่ในช่วงทศวรรษ 70 เศรษฐกิจตกต่ำเนื่องจากบริษัทดนตรีต่างประเทศใช้กลยุทธ์ ตัดราคา ทำให้ Framus ทานกระแสไม่ไหว
ปิดตัวลงในปี 1975 สร้างความขมขื่นให้แก่ Alfred เป็นอย่างมาก


แต่ลูกชายคนสุดท้องของเขา คือ Hans Peter Wilfer เริ่มทำธุรกิจใหม่ของตัวเองด้วยการเปิดโรงงานผลิตเครื่องดนตรี WarWick
ขึ้นมาในปี 1982 เข้าได้สร้างให้ Warwick กลายเป็นบริษัทผลิตเบสที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี 1995 ได้มีการ
ย้ายโรงงานไปอยู่เมือง Saxon Vogtland ปี 1996 บริษัทเปิดสำนักงานขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อรองรับตลาดใน Asia
ในปี 2000 Warwick ฉลองครบรอบ 18 ปี ปัจจุบันมีเบส Warwick จำหน่ายอยู่ใน 50 ประเทศทั่วโลก


ข้อมูลบางส่วนและภาพ จากอินเทอร์เน็ตและหนังสือครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น